ประสิทธิภาพการกรองของแผ่นกรอง เป็นตัวแปรที่จะบอกเราว่า แผ่นกรองได้กรองฝุ่นหรือมลพิษออกไปแล้วมากน้อยเท่าไร
หากคุณยังจำกันได้ จุดประสงค์ของแผ่นกรองอากาศ ก็คือการกรองเอาบางสิ่ง หรือดักจับบางส่วนที่ไม่ต้องการออกไป และให้ในสิ่งที่คุณต้องการแทน ซึ่งก็คืออากาศสะอาดปราศจากฝุ่นละอองหรือมลพิษนั่นเอง
เมื่อคุณคั้นน้ำส้ม บางที่คุณอาจจะชอบแค่น้ำส้มที่ไม่มีเนื้อส้มผสมอยู่เลย คุณจึงเดินไปหยิบเครื่องกรองมากรองเอาเนื้อส้มออก เนื้อส้มส่วนใหญ่ก็จะค้างอยู่ที่ตัวกรอง เหลือเพียงน้ำส้มให้คุณได้ดื่มอย่างอร่อย
เครื่องฟอกอากาศก็ทำหน้าที่คล้ายๆกับตัวกรองเนื้อส้ม แต่ต่างกันตรงที่น้ำส้มเป็นอากาศ และเนื้อส้มเปรียบเสมือนฝุ่น PM10 และ PM2.5 นั่นเอง
การที่จะคำนวณประสิทธิภาพของการกรองนั้น ได้ทำการวัดค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 ในห้องปิดขนาดเล็กไว้ จากนั้นทำการเปิดเครื่องฟอกอากาศ โดยให้ปรับพัดลมไปที่ความเร็วสูงสุด และรอ 15 นาที หลังจากนั้นจึงทำการวัดค่าความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 อีกครั้ง ดังนั้นเราจะคำนวณได้ว่า:
Filter Efficiency = 100*(initial PM2.5 – final PM2.5)/initial PM2.5
เราจะคำนวณประสิทธิภาพในการกรองของ AirCleaner Personal ได้อย่างไร
เราไม่ได้ทำการคำนวณด้วยตัวเราเอง เนื่องจากว่าต้องใช้เครื่องมือเฉพาะทางและความเเม่นยำสูง เราจึงได้รับความช่วยเหลือจากศูนย์วิจัยสิ่งเเวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการคำนวณหาประสิทธิภาพของการกรอง
https://www.science.cmu.ac.th/english/center.php

ในการทำการทดสอบนี้ ดร.หวาน วริญา ได้จัดห้องปิดที่มีความเข้มข้นของฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับหนึ่งไว้ จากนั้นได้วางเครื่องวัด PM2.5 ที่เชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ต พร้อมกับตัวบันทึกข้อมูลไว้ข้างในห้องปิดด้วย เพื่อใช้สำหรับวัดระดับของฝุ่น PM2.5 นั่นเอง

โดยสามารถดาวน์โหลดผลการทดสอบผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ AirCleaner Personal
จากผลการทดสอบพบว่า AirCleaner Personal มีประสิทธิภาพในการกรองสูงถึง 99.86%
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ตัวกรองประสิทธิภาพในอุดมคติ 99.97% ที่ควรใช้ตัวกรอง HEPA แต่ค่าที่วัดได้ในโลกแห่งความเป็นจริงนี้จะคำนึงถึงเครื่องฟอกอากาศทั้งหมดไม่ใช่แค่ตัวกรอง